เมนูนำทาง
ไมก์ ไทสัน ประวัติไมก์ ไทสัน มีชื่อจริงว่า ไมเคิล จีราร์ด ไทสัน (Michael Gerard Tyson) เกิดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2509 ที่ย่านบราวน์ส์วิลล์สลัมในบรุกลิน นครนิวยอร์ก
คุณภาพชีวิตของไทสันในวัยเด็กถือว่าเลวร้ายมาก ไทสันเป็นเด็กที่มีนิสัยเกเรมาก ชอบมีเรื่องชกต่อยกับเด็กคนอื่นละแวกบ้านและก่ออาชญากรรมทั่วไป จนกระทั่ง คัส ดี'อมาโต เทรนเนอร์มวยเชื้อสายอิตาเลียน ได้มาพบเข้าและฝึกสอนไทสันให้รู้จักกับมวยสากลอย่างแท้จริง ที่ชกบนเวทีและมีกติกาที่ชัดเจน ซึ่งไทสันได้รักและนับถือ ดี'อมาโตเสมือนกับพ่อของตนเองคนหนึ่งทีเดียว
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2529 ไมก์ ไทสัน ทำสถิติชนะรวด 26 ครั้ง ชนะน็อกถึง 24 ครั้ง ขึ้นชิงแชมป์โลกกับ เทรเวอร์ เบอร์บิก แชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทของสภามวยโลก (WBC) ขึ้นสังเวียนมวยที่โรงแรมฮิลตัน ในลาสเวกัส รัฐเนวาดา สำหรับเบอร์บิคแล้ว เขาเพิ่งได้แชมป์โลกเมื่อ 8 เดือนก่อนหน้านั้น ด้วยการชนะคะแนน พิงก์ลอน โธมัส แบบฉิวเฉียด ผลการชกไทสันเอาชนะทีเคโอเบอร์บิกได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่ยกที่ 2 เท่านั้น และตลอดการชกเบอร์บิกเป็นฝ่ายถูกไทสันไล่ถลุงเพียงข้างเดียว ยิ่งโดยเฉพาะยกที่ 2 เบอร์บิกถูกไทสันชกล้มไปถึง 2 ครั้ง
ไมก์ ไทสัน จึงกลายเป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวทคนใหม่ล่าสุด พร้อมกับทำสถิติเป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวทที่อายุน้อยที่สุดในโลก ด้วยวัยเพียงแค่ 20 ปี 4 เดือน (ซึ่งยังเป็นสถิติมาจนทุกวันนี้) ทำลายสถิติเดิมของ ฟลอยด์ แพ็ตเตอร์สัน ที่เคยทำไว้ในวัย 21 ปี 10 เดือน และที่น่าเหลือเชื่อคือทั้งคู่มีเทรนเนอร์คนเดียวกัน คือ คัส ดี'อมาโต
หลังจากนั้นทั่วทั้งโลกได้รู้จักกับ ไมก์ ไทสัน นักมวยผู้มีภาพของความป่าเถื่อน รุนแรง กักขฬระ ผ่านการโปรโมตของ ดอน คิง โปรโมเตอร์อันดับหนึ่งของโลก นับได้ว่าไทสันกลายเป็นนักมวยอันดับหนึ่งของโลกและเป็นนักมวยคู่บารมีของดอน คิง อย่างแท้จริง การชกทุกครั้งของไมก์ ไทสัน สามารถทำเงินให้กับดอน คิง ได้มหาศาล ไทสันผ่านการชกป้องกันตำแหน่งอีกหลายต่อหลายครั้ง จนกลายเป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวท 3 สถาบันคนแรกของโลก รวมทั้งการเอาชนะน็อก ไมเคิล สปิงก์ส์ อดีตแชมป์เหรียญทองรุ่นเฮฟวี่เวทโอลิมปิคที่มอนทรีออล ที่หันมาชกมวยสากลอาชีพและทำสถิติไม่เคยแพ้ใคร และเมื่อถูกประกบคู่กับไทสัน สปิงก์ส์ถูกมองว่าอาจเป็นคนแรกที่ยัดเยียดความปราชัยให้แก่ไมก์ ไทสัน ได้ แต่ผลการชกจริง ๆ ปรากฏว่า สปิงก์ส์ เป็นฝ่ายแพ้น็อกไปเพียงแค่ยกแรกเท่านั้น อย่างที่เรียกว่า "นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ"
แต่การป้องกันตำแหน่งที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กับ เจมส์ "บัตเตอร์" ดักลาส นักมวยโนเนม เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2533 ไทสันพลาดท่าแพ้น็อกแก่ดักลาสอย่างไม่มีใครคาดคิดในยกที่ 10 แม้จะมีเสียงครหาว่ากรรมการบนเวทีนับเร็วกว่ากรรมการที่อยู่ด้านล่างเวทีก็ตาม
หลังจากนั้น ชีวิตของไทสันก็ตกต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อถูกกล่าวหาจาก เดสิรี วอชิงตัน (Desiree Washington) นางงามผิวดำสหรัฐอเมริกาว่า ไทสันข่มขืนเธอ ไทสันปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง คดีนี้ถูกนำขึ้นสู่ศาล วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ถูกตัดสินโทษจำคุก 6 ปี แต่เนื่องจากประพฤติตัวดี ไทสันจึงปล่อยตัวเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2538 หลังใช้ชีวิตในเรือนจำได้ 3 ปี ซึ่งในระหว่างนั้น ไทสันหันไปนับถือศาสนาอิสลามพร้อมกับใช้ชื่อใหม่ว่า “มาลิค อับดุล ลาซิช” (Malik Abdul Aziz) หรือ "ไทสัน อาลี" (Tyson Ali) ซึ่งไทสันอ้างว่าศาสนาอิสลามได้ทำให้จิตใจเขาบริสุทธิ์ขึ้นเหมือนดั่งเช่นกรณีหนีทหารของ มูฮัมหมัด อาลี ในอดีต
หลังจากออกจากคุกมา ไทสันขึ้นชกอุ่นเครื่องอีกไม่กี่ครั้ง ก็ได้ชิงแชมป์โลกของ WBC และเป็นฝ่ายชนะทีเคโอ แฟรงค์ บรูโน นักมวยชาวอังกฤษ ไปเพียงยกที่ 3 ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2539 และคว้าแชมป์ของ WBA ด้วยการเอาชนะน็อกยกแรก บรูซ เซลดอน ในเดือนกันยายน ปีเดียวกัน จากนั้นไทสันถูกประกับให้พบกับ อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ อดีตแชมป์โลก 3 สถาบันผู้เอาชนะเจมส์ "บัสเตอร์" ดักลาส ได้ ก่อนการหลายฝ่ายคาดว่าไทสันที่กำลังเหี้ยมหาญจะเอาชนะน็อกโฮลีฟิลด์ได้อย่างไม่ยากเย็น แต่การชกกลายเป็นว่า ไทสันไม่สามารถอะไรโฮลีฟิลด์ได้เลย จนกระทั่งเป็นฝ่ายแพ้ทีเคโอไปในยกที่ 11 ซึ่งถือเป็นความปราชัยในชีวิตการชกมวยเป็นครั้งที่ 2 ของไทสัน ในเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกัน
จากนั้นทั้งคู่ได้มีโอกาสล้างตากันอีกครั้ง ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2540 ซึ่งการชกในครั้งนี้ ไทสันได้สร้างปรากฏการณ์ให้โลกตื่นตะลึงอีกครั้ง ด้วยการกัดเข้าที่ใบหูของโฮลีฟิลด์ในยกที่ 3 ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคลุกวงในอยู่กัน โดยใบหูของโฮลีฟิลถึงกับเลือดออก จึงต้องยุติการชกไป และไทสันก็ถูกตัดสินให้แพ้ดีคิว (Disqualifion) ถูกปรับเงิน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมโดนยึดใบอนุญาตชกมวยด้วย แต่สำหรับค่าตัวของทั้งคู่ในขณะนั้นถือว่าเป็นค่าตัวที่สูงสุดในวงการกีฬาโลกเลยทีเดียว โดยไทสันได้ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโฮลีฟิลด์ได้ถึง 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในปี พ.ศ. 2542 ไทสันถูกจับอีกครั้ง เมื่อไปชกต่อยกับเด็กวัยรุ่นขี่มอเตอร์ไซค์ 2 คน หลังเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนน คราวนี้ไทสันติดคุกอยู่นาน 9 เดือน
เมื่อออกจากคุกมา ไมก์ ไทสัน ชกทำฟอร์มอยู่หลายครั้ง ก่อนจะขึ้นชกกับ เลนน็อกซ์ ลูอิส แชมป์โลกชาวอังกฤษผู้ที่มีฟอร์มการชกอยู่ในระดับสุดยอดในเวลานั้น ผลการชกไทสันเป็นฝ่ายแพ้น็อกไปอย่างบอบช้ำในยกที่ 8 เมื่อปี พ.ศ. 2545
1 ปี ถัดมา ไทสัน มีปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง จนถูกฟ้องร้องให้เป็นบุคคลล้มละลาย จากเดิมที่เคยมีเงินทองจากการชกมวยมากมายถึง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีคฤหาสน์หลังใหญ่ มีเสือโคร่งเบงกอลเผือกเป็นสัตว์เลี้ยง กลายเป็นบุคคลที่มีแต่หนี้สิน ทั้งนี้เป็นเพราะไทสันเป็นคนที่ใช้จ่ายเงินไม่เป็น อีกทั้งยังมีแต่พฤติกรรมที่ทะเลาะวิวาทกับผู้คนเรื่อยไป ประกอบกับได้เปลี่ยนผู้จัดการจาก ดอน คิง ในช่วงที่ตกต่ำเป็น แซลลี่ ฟิงเกอร์ ทำให้ไม่ได้รับค่าตัวมากมายเช่นเดิม
ในช่วงที่ชีวิตตกต่ำสุดขีด ในปี พ.ศ. 2548 ถึงกับมีข่าวลือว่าไทสันได้รับการชักชวนจากเจนนา เจมสัน ให้ร่วมกันแสดงหนังโป๊ ว่ากันว่า ไทสันมีศักยภาพที่น่าจะไปได้ดีในอาชีพนี้ เนื่องจากมีการอ้างถึงรายงานทางการแพทย์ในระหว่างถูกจองจำว่า ขนาดองคชาตของไทสันนั้นยาวถึง 14 นิ้ว อย่างไรก็ตาม โฆษกประจำตัวของเจนนา เจมสัน และตัวไทสันเอง ได้ออกมาปฏิเสธข่าวนี้
แม้จะมีชีวิตที่ย่ำแย่ แต่ไทสันก็ยังมีข่าวคราวอาชญากรรมอยู่เรื่อย ๆ ในปลายปี พ.ศ. 2547 ไทสันก็ถูกตำรวจจับอีกครั้งในข้อหาว่ามียาเสพย์ติดประเภทโคเคนไว้ในครอบครอง
ไมก์ ไทสัน ชกมวยครั้งสุดท้ายเพื่อหาทางปลดหนี้ แพ้น็อก เควิน แม็กไบรด์ นักมวยผิวขาว ในยกที่ 6 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2548 และไม่ได้กลับขึ้นชกมวยอีกเลยตราบจนทุกวันนี้
เมนูนำทาง
ไมก์ ไทสัน ประวัติใกล้เคียง
ไมก์ ไทสัน ไมก์ ชิโนดะ ไมก์ เพนซ์ ไมก์ พอมเพโอ ไมก์ จอห์นสัน ไมก์ คอนเนอส์ ไมก์ แอชลีย์ ไมก์ ไมเยอส์ ไมก์ เดินต์ ไมก์ พอสเนอร์แหล่งที่มา
WikiPedia: ไมก์ ไทสัน http://www.mthai.com/webboard/8/109866.html http://sport.teenee.com/sport/196.html http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsI... https://boxrec.com/en/proboxer/474 https://commons.wikimedia.org/wiki/Category:Mike_T...